แต่เชื่อหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วมีวิธีการเพาะปลูกพืชให้ได้ประสิทธิภาพเหนือกว่าออร์แกนิคทั่วไป และกรรมวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับมามากกว่าร้อยปี นั่นคือการปลูกพืชแบบ ไบโอไดนามิค ซึ่งบทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างออร์แกนิค Organic และ  ไบโอไดนามิค Biodynamic 

ทำความเข้าใจการเพาะปลูกในรูปแบบ Oraganic ออร์แกนิก

การเพาะปลูกแบบออร์แกนิคคือ การเพาะปลูกพืชทางการเกษตรแบบปราศจากสารเคมี ไม่ว่าจะเป็น สารเคมีจากการกำจัดศัตรูพืช รวมถึงการตัดแต่งพันธุกรรม และการใช้สารเร่งต่าง ๆ  โดยการเพาะปลูกแบบ ออร์แกนิค จะต้องใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ หรือปุ๋ยธรรมชาติ และต้องเป็นการทำงานร่วมกันกับ ดิน น้ำ และความชื้นที่เหมาะสมเพื่อให้พืชสามารถเติบโตได้อย่างธรรมชาติ 

ขั้นตอนการเพาะปลูกในรูปแบบ Oraganic ออร์แกนิค

1. พื้นที่การเพาะปลูก

ก่อนที่จะเตรียมหน้าดินให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูก จะต้องทดสอบคุณภาพของดิน และจะต้องปราศจากการใช้สารเคมีมามากกว่า 3 ปีในพื้นที่นั้น ๆ

2. เมล็ดพันธุ์

เลือกเล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าที่ดูแข็งแรง เหมาะกับการเพาะปลูกในสภาพดินดังกล่าว ซึ่งหลังจากนำลงดินไปแล้ว ภายใน 5 วันหากเมล็ดงอก หรือต้นกล้าสามารถเจริญเติบโตได้แสดงว่ามีความสมบูรณ์ดี 

3. การดูแล

เน้นให้ความสำคัญเรื่องการรดน้ำอย่างเหมาะสม รวมถึงการกำจัดวัชพืชด้วยมือ โดยไม่ใช้สารเคมี 

4. การเก็บเกี่ยว

การปลูกแบบ ออร์แกนิค จะไม่ปล่อยให้ผลผลิตล่วงที่ต้น ต้องหมั่นตรวจสอบระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม หากต้นไม้หมดอายุควรนำออก เพื่อฟื้นฝูสภาพดินให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูกแบบออร์แกนิกในรอบถัดไป

ทำความเข้าใจการเพาะปลูกในรูปแบบ Biodynamic ไบโอไดนามิค

ไบโอไดนามิค “Biodynamic Method” เป็นการเพาะปลูกที่บริสุทธ์และสะอาดมากที่สุด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการเพาะปลูกพืชสมุนไพรที่โอเวย์เลือกใช้ในทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพและปลอดภัยที่สุด (ฟาร์มไบโอไดนามิค ของโอเวย์ ชื่อ Ortofficina เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี)

ขั้นตอนการเพาะปลูกในรูปแบบ Biodynamic ไบโอไดนามิค

1. พื้นที่การเพาะปลูก

ดินและน้ำในพื้นที่การเพาะปลูกจะต้องปราศจากการใช้สารเคมีมากกว่าร้อยปี และที่สำคัญตรวจสอบคุณภาพของหน้าดินแล้วว่ามีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ

2. เมล็ดพันธุ์

คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการเพาะปลูกโดยปราศจากสารเคมี และผ่านการปลูกโดยธรรมชาติอย่างแท้จริง ที่สำคัญจะต้องเลือกวันในการเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์จากดวงจันทร์ด้วย

3. การดูแล

ไบโอไดนามิค จะต้องทำงานธรรมชาติครบวงจรโดยปล่อยให้เป็นตามวัฎจักรธรรมชาติ เช่นการปล่อยหนอนผีเสื้อผสมเกสรกับพืชดอกไม้ และที่สำคัญปราศจากการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง

4. การเก็บเกี่ยว

จะต้องเลือกวันจากดวงจันทร์เช่นเดียวกับการหว่านเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้พืชคงความสดใหม่ได้นาน รวมถึงดูดซึมสารอาหารจากดินเต็มที่

การอาศัยอิทธิพลดวงจันทร์

การเพาะปลูกพืช  

ช่วงพระจันทร์ข้างแรม (จากพระจันทร์เต็มดวงถึงพระจันทร์ใหม่)

• เป็นช่วงเวลาที่พืชหยั่งรากได้ดี เชื่อมต่อกับดินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สารอาหารสะสม และพืชมีคุณภาพสูงขึ้น

การเก็บเกี่ยวผลผลิต

ช่วงข้างขึ้นข้างแรม (จากเดือนใหม่ ถึงพระจันทร์เต็มดวง)

• เป็นช่วงระยะเวลาที่รากพร้อมดูดซับสารอาหารและพืชโตอย่างแข็งแรง เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเวลานี้จะทำให้คงความสด และชุ่มฉ่ำยิ่งขึ้นไปอีกนาน